พลังจักรวาล จักระ7 โยคะ

พลังจักรวาล และจักระทั้ง 7

ในร่างกายมนุษย์มีสิ่งมหัศจรรย์เหนือธรรมชาติซ่อนเร้นอยู่ เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อระหว่างพลังธรรมชาติ จิตวิญญาณและพลังเหนือธรรมชาติเข้าด้วยกัน และอยู่ภายใต้อำนาจของสมาธิ เราเรียกสิ่งมหัศจรรย์นี้ว่า “จักระ (Chakra)” 

จักระ (Chakra) เป็นภาษาสันสกฤต แปลว่า “กงล้อ” ซึ่งเป็นลักษณะของลำแสงที่แผ่ออกมาเป็นวงคล้ายกลีบดอกบัวมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3 นิ้ว ลำแสงที่มีลักษณะคล้ายกลีบดอกบัวนี้จะหมุนอยู่ตลอดเวลาก่อให้เกิดสีสรรต่าง ๆ เหมือนประกายไฟ มีสีที่ต่างกันออกไป

จักระในร่างกายมี 7 จุด ผู้ที่ผ่านการกระตุ้นจักระและฝึกสมาธิอย่างสม่ำเสมอจะทำให้จักระหมุนวนรับพลังจักรวาลที่อยู่รอบตัวเข้าสู่จักระทั้ง 7 และหากสามารถพัฒนาอำนาจจิตให้สูงขึ้นก็จะสามารถมองเห็นรูปร่าง แสง สี และการหมุนได้อย่างชัดเจน

กล้องเกอร์เลียน เมื่อถ่ายออกมาจะเห็นแสง สีต่าง ๆ รอบตัวเรา


หลักการบูชา

เพื่อให้ได้สัมผัสกับจักราทั้งเจ็ดของร่างกายมนุษย์ โดยใช้พลังจากธรรมชาติที่ประกอบขึ้นเป็นโลกมนุษย์  โดยการใช้ธาตุทั้ง 5

โอม อัคคี คงคา วาโย อาโป ธรณี นะมะพะทะ

ดิน 21, น้ำ12, ลม 9 ,ไฟ 6, อากาศ 10

เป็นการประกอบในการบูชาเพื่อเพิ่มพูลพลังออร่าในร่างกายให้ผุดผ่องเป็นรัศมี
โดยประกอบกับการกินอาหารมังสะวิรัติ เพื่อให้ร่างกายสะอาดในการเจริญสมาธิแบบโยคะ
เมื่อร่างกายสะอาดและพลังมนตราแห่งการบูชารวมกับการถือศีล
จึงทำให้มนุษย์เรามีความสุขความเจริญไม่มีโรคภัยมาเบียดเบียนประกอบกับ
การมีสติจึงเพิ่มพูลพลังในการดำเนินชีวิตอย่างมั่นคง

=====>

จักระที่ 7 สหัสธารจักระ (The Crown Chakra)

มีสีม่วง 972 เส้นแสง

อยู่กลางกระหม่อม เปรียบเป็นมงกุฎดอกบัว เป็นศูนย์ควบคุมทุกจักระในร่างกาย เป็นสถานที่รับพลังแห่งจักรวาลและกระจายไปทั่วร่างกาย

ธาตุคือ ตัวรู้

มีหน้าที่ให้ความมีชีวิตชีวา ช่วยรักษาโรค

สัมพันธ์กับต่อมเม็ดสน ต่อมไพเนียล  (Pineal Gland)  และศูนย์รวมประสาทของตาข้างขวา

อัญมณีที่ส่งผลคือเพชร อะมีธีสต์

อาหารที่บำรุงเลี้ยงคือพืชผักสีม่วง เช่นกะหล่ำม่วง มะเขือม่วง สาหร่ายสีแดงอมม่วง

มีอานุภาพช่วยสัมผัสสิ่งที่เรามองไม่เห็น เช่น วิญญาณในภพภูมิต่างๆ เทพเทวดา สัมพันธ์กับความเชื่อในการเวียนว่ายตายเกิด มีอานุภาพช่วยรักษาโรคที่ร้ายแรง แม้กระทั่งมะเร็ง

ถ้าจักระหมดอานุภาพจะขาดความกระตือรือร้น สับสน ว้าวุ่น ลังเล ทำตัวแปลกแยก ห่างเหินสังคม แก่เกินวัย ไม่มีศรัทธา

=====>  

จักระที่ 6 อาชณะจักระ (The Third Eye Chakra)

มีสีคราม 96 เส้นแสง

อยู่กลางหน้าผาก เป็นจักระที่เปรียบเหมือนดวงตาของปัญญา เป็นจุดกำเนิดของญาณหยั่งรู้ เป็นตาที่ 3 เป็นพาหนะแห่งญาณวิเศษสำหรับการติดต่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบน

ธาตุคือ แสงสว่าง

มีหน้าที่เป็นตาดวงที่สาม ให้ชีวิตชีวาแก่สมองส่วนล่างและระบบประสาท ให้เกิดญาณทัศนะ ใช้ทำลายเชื้อโรคได้บางชนิด

สัมพันธ์กับต่อมใต้สมอง Pituitary Gland ต่อมฐานสมอง เกี่ยวกับตาข้างซ้าย จมูก และหูทั้งสองข้าง

อัญมณีสีน้ำเงินแก่ เช่น ลาปิส ไพลิน อะมีธีสต์สีม่วงคราม โซดาไลต์

อาหารคือพืชผักสีน้ำเงินแก่ เช่น อัญชัญ

จักระนี้มีอานุภาพให้เข้าสมาธิง่าย มีตาทิพย์ จิตใจสงบสุข มีความจงรักภักดี ช่วยการสร้างจินตนาการอันบรรเจิด ทำลายเชื้อโรคบางชนิดได้

ถ้าหมดอานุภาพจะทำให้ขาดสมาธิ ขี้กลัว ชอบเยาะเย้ยถากถาง เครียด ปวดหัว มีปัญหาสายตา ฝันร้าย เบื่อโลกอย่างไม่มีเหตุผล

=====>  

จักระที่ 5  วิสุทธิจักระ (The Throat Chakra)

มีสีน้ำเงิน สีน้ำเงินฟ้า มี 16 เส้นแสง

ตั้งอยู่ตรงกระดูกต้นคอ อยู่กลางลำคอ

ธาตุอากาศ

มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการหายใจ ระบบทางเดินหายใจ หอบหืด โรคที่เกี่ยวกับผิวหนัง  การแสดงออก การพูด และการสื่อสาร

สัมพันธ์กับต่อมไทรอยด์(Thyroid Gland) และพาราไทรอยด์ ลำคอ และปาก

อัญมณีที่ส่งผลคือเพชร พลอยสีน้ำเงินอ่อน เช่น ไพลิน เทอร์ควอยซ์ ลาปิสลาซูลิ อะความารีน

อาหารบำรุงเลี้ยงคือ พืชผลสีน้ำเงินอ่อนหรือสีฟ้า

มีอานุภาพในการสำแดงวาทศิลป์ สื่อความหมายได้ชัดเจน พูดจาถ่อมตน สร้างสรรค์ มีเมตตา สุภาพอ่อนโยน น่าเชื่อถือ และให้เกียรติผู้อื่น

ถ้าหมดอานุภาพจะทำให้มีปัญหาในการพูดและสื่อความหมาย ใช้ความรู้อย่างไม่ฉลาด ขาดการใช้วิจารณญาณ หดหู่ ไม่ร่าเริง มีปัญหาเรื่องไทรอยด์

=====>
จักระที่ 4  อนาหตะจักระ (The Heart Chakra)

มีสีเขียว 12 เส้นแสง

ตั้งอยู่กลางกระดูกสันหลังระดับที่ตรงกับหัวใจ อยู่กลางทรวงอก

ธาตุลม

มีหน้าที่รับพลังจากจักรวาล เทพ หรือวิญญาณชั้นสูงให้เกิดพลังชีวิต ช่วยให้เลือดไหลเวียนดี ช่วยร่างกายแข็งแรง ใช้ล้างพิษของโรค ทั้งช่วยประสาทส่วนบนและส่วนล่างให้เกิดสมดุล อวัยวะที่เกี่ยวข้องได้แก่หัวใจ ปอด

ต่อมไธมัส (Thymus Gland) ที่เกี่ยวข้องกับภูมิต้านทาน ยังสัมพันธ์กับแขนทั้งสองข้าง

อัญมณีที่ส่งผลคือ หยก เพชร พลอย มรกต เพอริโด

อาหารบำรุงเลี้ยงได้แก่ ผักใบเขียวต่างๆ

มีอานุภาพให้เกิดความรัก เป็นศูนย์รวมของความรัก ความเมตตากรุณา  มีอัปมัญญาธรรม มีเมตตาสงสารในเพื่อนมนุษย์ ยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น เปิดเผย อยู่ร่วมกับเพื่อนมนุษย์อย่างมีความสุข ไม่เอารัดเอาเปรียบ ไม่เห็นแก่ตัว ความเสียสละ การพัฒนาจิตใจ ช่วยล้างพิษได้

ถ้าขาดอานุภาพจะผิดหวังเรื่องความรัก เอาแต่ใจตัว ควบคุมตัวเองไม่ได้ มักเกิดโรคหัวใจ หอบหืด และภูมิต้านทานต่ำหรือเกิดโรคภูมิต้านทานไวเกิน

=====>

จักระที่ 3 มณีปุระจักระ (The Solar Plexus Chakra)

มีสีเหลือง มี 10 เส้นแสง

ตั้งอยู่บริเวณสันหลังที่ตรงกับบั้นเอว อยู่กลางระหว่างลิ้นปี่กับสะดือ ตรงระดับกระเพาะ

ธาตุไฟ

มีหน้าที่ช่วยระบบประสาททำงานได้ดี  มีความเกี่ยวข้องกับระบบทางเดินอาหารทั้งหมด ช่วยระบบย่อยอาหาร ดูดซึมอาหาร เผาผลาญอาหาร ผลิตโลหิต เป็นศูนย์กลางของอารมณ์ดิบ ความคุมอารมณ์ ช่วยให้สำเร็จในสิ่งที่ประสงค์ตามปรารถนา
 
ต่อมที่เกี่ยวข้องได้แก่ตับอ่อน ต่อมหมวกไต (Adrenal Gland) ตับ ถุงน้ำดี ระบบประสาทกล้ามเนื้อ

อัญมณีที่ส่งผลได้แก่ ทองคำ แก้วตาเสือ บุษราคัม ซิทริน

อาหารที่บำรุงเลี้ยงคือผักผลไม้สีเหลือง ข้าวธัญพืชและถั่วต่างๆ

มีอานุภาพช่วยให้มั่นใจในตนเอง มีเจตน์จำนงแน่วแน่ กระฉับกระเฉงมีพลังชีวิต มีความตื่นตัวอยู่เสมอ มีอารมณ์ขัน มีความร่าเริงแจ่มใส เชื่อในความเป็นอมตะ ทำอะไรก็จะทำจนสำเร็จ

ถ้าหมดอานุภาพจะทำให้เป็นคนขี้ระแวง ไม่เชื่อมั่นตนเอง มักโกรธ เกลียด มีปัญหาระบบย่อย ไปจนถึงการขับถ่าย

=====> 

จักระที่ 2 สวาธิษฐานจักระ (The Sacral Chakra)

สีส้ม  มี 6 เส้นแสง

ตั้งอยู่ที่ปลายกระดูกสันหลังใต้ก้นกบ อยู่ที่สะดือ

ธาตุน้ำ

มีหน้าที่ให้ความรู้สึกทางเพศ เป็นศูนย์กลางเกี่ยวกับพลังงานทางเพศและความเชื่อมั่นในตนเอง มีหน้าที่กระจายพลังที่ได้รับจากดวงอาทิตย์

นำอาหารไปหล่อเลี้ยงร่างกาย ช่วยล้างพิษ สัมพันธ์กับรังไข่ อัณฑะ

ต่อมสืบพันธุ์ (Gonads Gland) ต่อมลูกหมาก อวัยวะเพศ ม้าม มดลูก กระเพาะปัสสาวะ

อัญมณีที่ส่งผลคือปะการัง โกเมนสีส้ม คาร์เนเลี่ยนสีส้มแดง และแร่ธาตุสีส้ม

อาหารได้แก่ ส้ม ไข่

มีอานุภาพควบคุมอารมณ์ได้ดี รู้จักให้และรับ ชอบความเปลี่ยนแปลง ยอมรับความคิดใหม่ๆ มีความคิดสร้างสรรค์และอยู่ร่วมกับเพื่อนมนุษย์ ช่วยล้างพิษมลภาวะและไอโรค

ถ้าเสื่อมอานุภาพจะทำให้มักมากในอาหารและกามคุณ มีปัญหาเรื่องเพศ สับสน เห็นแก่ตัว อิจฉา ริษยา ต้องการครอบครองทั้งที่ไม่สมควร มีปัญหาเกี่ยวกับระบบปัสสาวะและระบบสืบพันธุ์


=====>จักระที่ 1 มูลธารจักระ (The Base Chakra)

สีแดง มี 4 เส้นแสง

อยู่ที่ก้นกบตั้งอยู่ระหว่างอวัยวะสืบพันธุ์กับทวารหนัก เป็นพื้นฐานของพลังชีวิต มีหน้าที่ดูดซับพลังคุนดาลินี (Kundalini = งูไฟ หรือ Serpent Fire) จากโลก

ธาตุดิน

มีหน้าที่ทำให้ร่างกายแข็งแรง มีสัญชาตญาณการต่อสู้เพื่อตนเอง มีภูมิต้านทานดี

สัมพันธ์กับต่อมหมวกไต ไต กระดูกสันหลัง ลำไส้ใหญ่ ขาทั้งสองข้าง กระดูกทั้งหมด

อาหารบำรุงเลี้ยงได้แก่ เนื้อสัตว์ต่างๆ แครอท มะเขือเทศ

อัญมณีที่ส่งผลคือ ทับทิม โกเมน มาร่า

มีอานุภาพทำให้สุขภาพแข็งแรง มีความสำเร็จทางโลกและทางวัตถุ มีความอดทน กล้าหาญ มีสัญชาตญาณเพื่อการอยู่รอด

ถ้าหมดอานุภาพจะทำให้เป็นคนโลภ เห็นแก่ตัว โกรธง่าย เครียด ท้องผูก ปวดตามสันหลังและกระดูก


*****

การกระตุ้นจักระอย่างถูกวิธีคือ จะต้องฝึกลมปราณ ทำสมาธิ และกระตุ้นทีละจักระ ภายใต้การแนะนำและควบคุมของอาจารย์ที่สำเร็จวิชานี้แล้ว

การฝึกจะต้องทำเป็นขั้นเป็นตอน ให้ร่างกายได้ปรับตัว เพราะผู้ที่ไม่เคยฝึกลมปราณมาก่อนจักระจะอ่อนแอ ไม่สามารถรับการกระตุ้นอย่างทันทีได้

ในการฝึกจะใช้เวลาหลายวันกว่าที่จะกระตุ้นได้ครบทุกจักระ

และเมื่อฝึกสำเร็จจักระจะแข็งแรง

เราก็สามารถมาฝึกหรือกระตุ้นจักระโดยวิธีอื่น เช่น การใช้ ควอทซ์ คริสตัล หินสี อัญมณีต่าง ๆ วางไว้ตรงกับจักระที่ต้องการกระตุ้น

แล้วกำหนดสมาธิสร้างจินตนาการว่าจักระได้ดูดซับเอาพลังที่อยู่ในอัญมณีเข้ามาไว้กับตัวได้อย่างปลอดภัย

*****

จักร ทั้ง 7 นี้ทำหน้าที่ควบคุม จิต จิตใต้สำนึก อารมณ์ ปัญญา เป็นต้น เซลล์พิเศษของสมอง เรียกว่า ไมโครเซลล์

ไมโครเซลล์นี้ จะฉายแสงสีเหลืองเป็นประกายและสั่นไหวอย่างรุนแรง เป็นหลักการสั่นไหว เมื่อผู้ฝึกสมาธิ และจะสั่นไหวแรงขึ้น เมื่อฝึกในระดับที่สูงขึ้น จนขยายไปทุกส่วนของอวัยวะในร่างกายในทั่วร่าง

 และถ้าหากผู้ฝึกสามารถสั่งสมเพิ่มพลังงานให้มากขึ้น ไมโครเซลล์เหล่านี้ จะมีลักษณะเฉพาะที่เรียกว่า กายทิพย์ และกายทิพย์นี้ เป็นเหมือนเครื่องมืออเนกประสงค์เลยทีเดียว บางที่อาจสร้างความมหัศจรรย์ของมนุษย์ได้

จากหลักการสั่นไหว มากับพลังจักรวาล มาอีกหลักหนึ่งคือ การหมุน หรือการเคลื่อนไหวเป็นทรงกลม ดูดพลังจักรวาล เข้ามาเพื่อเป็นกลไกการทำงาน

คนโบราณได้ค้นพบว่า รูปทรงต่าง ๆ บางรูปเปล่งหรือปล่อยพลังจักรวาลออกมาเองโดยอัตโนมัติ และแรงกว่าธรรมดา ที่เป็นเช่นนี้เพราะพลังจักรวาลเป็นอนุภาคที่มีขนาดเล็กมาก และเป็นทรงกลมที่หมุนอยู่ตลอดเวลา เมื่ออนุภาคมาเกาะตัวกันมันก็หมุน โดยเคลื่อนไหวของอนุภาคเหล่านี้ก็จะเกิดการถ่ายเทพลังงาน และนำไปสู่รูปทรงที่ต่างกันย่อมก่อให้เกิดคลื่น ของจักรวาลที่ต่างกันออกไป

ปราณ เป็นสิ่งค้ำจุนสรรพสิ่งในจักรวาล ดังนั้น ย่อมสามารถนำมันมาใช้เพื่อการพัฒนาชีวิตและจิตวิญญาณของคนได้แน่นอน

การหมุน จะถ่ายเทพลังงานตามหลักการสั่นไหวร่วมกัน เห็นได้ชัด ตามตัวอย่างทั่วไป ก็คือ พายุ ไต้ฝุ่น ซึ่งหมุนซ้ายทวนเข็มนาฬิกา และเวลาผ่านไป มันจะรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

การหมุนนี้ ก็คล้ายกับวิชาอื่น ก็คือ ไทเก็ก และ ฝ่ามือมังกรแปดทิศ ก็มีการเคลื่อนไหว เป็นวงกลม และถ้ายิ่งฝึกวิชามังกรแปดทิศ พลัง รวมถึง ดูดซับพลังจักรวาลด้วยแล้ว พลังก็จะเพิ่มเป็นทวีคูณ