ธรณีนี่นี้เป็นพยานความศักดิ์สิทธิ์ของแม่โลก
พระแม่ธรณี เป็นเทพฝ่ายหญิงที่ผูกพันอยู่กับศาสนาพุทธ และคนไทยมาเป็นเวลาช้านาน ทั้งที่พระแม่ธรณีนั้นเคยเป็นเทพของศานาพราหมณ์ – ฮินดูเคยกล่าวถึงมาก่อนเพียงแต่พระแม่พระองค์นี้ไม่ได้สร้างรูปเคารพให้เป็นที่เอิกเกริกอย่างเมืองไทย ส่วนใหญ่ถือเอาดินก้อนหนึ่งมาเป็นเครื่องบูชาแทน “ พระแม่ธรณี ” เท่านั้น ความยิ่งใหญ่ของท่านนั้นแทบไม่ต้องบรรยายถึง เพราะเหย้าเรือน ตึกรามบ้านช่อง ห้องหอเวียงวัง พร้อมด้วยสรรพสิ่งทั้งหลายในโลกนั้นตั้งอยู่บนพระวรกายของท่าน เพียงแต่ท่านไม่ได้ปรากฏรูปกายเป็นเรือนร่างให้เราสัมผัสมองเห็นด้วยตาเท่านั้นเอง
คนไทยเองสร้างรูปของพระนางในลักษณะบีบมวยผม เป็นจินตนาการที่จำลองเอาจากพุทธประวัติ ตอนพระพุทธเจ้าผจญมารมาสร้างรูปไว้สักการบูชา ปางอื่นๆ ด้วยอิริยาบถยืนก็มี แต่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่ากับการนั่งพับเพียบเท่านั้นเอง
ความจริงแล้ว ซึ่งพระแม่ธรณีนั้นเข้าใจง่ายที่สุด ไม่ต้องอธบายมากทั้ง ๆ ที่ท่านเองก็มีชื่อเรียกอื่นเหมือนกัน อาทิ พระศรีวสุนธรา , พระปฤถิวี , พระภูมิเทวี , ธฤตริ , พสุนธร , พสุนธรี
สถานภาพของพระแม่นั้นโสด ปราศจากการครองคู่กับพระสวามี !!!
แต่ตามวัฒนธรรมดั้งเดิมของคนอินเดียนั้น มักไม่ยอมให้ผู้หญิงอยู่เป็นโสด เพราะผู้หญิงที่ปราศจากคู่ครองหนึ่ง หรือ สามีตายหนึ่ง มักจะถูกประณามหยามเหยียด ดูหมิ่นดูแคลนกันไปต่าง ๆ ดังนั้น ...
ในยุคแรก ๆ นั้นก็เลยไม่มีการจัดคู่ให้กับแม่ธรณี , พระแม่คงคา ซึ่งมีสถานภาพโสดด้วยกันทั้งคู่
ตำนานว่า กาลก่อนนั้น พระลักษมี , พระสรัสวดี , พระธรณี , พระคงคา นั้นร่วมอยู่ในครอบครัวเดียวกับพระวิษณุเทพ ด้วยเหตุที่มีเรื่องวิวาทกันบ่อย ๆ ตามประสาเมียทั้งหลาย
พระวิษณุเทพก็เลยต้องทำหน้าที่แจกจ่ายเมียแจกพระคงคาให้กับพระศิวะ
และจะยกพระปฤถิวีให้กับเทวดาองค์หนึ่ง ทำให้นางเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจก็เลยอธิษฐานขอลงมาใช้ชีวิตบนโลก ไม่อยากหาความสำราญบนสวรรค์อีกต่อไป
ทุกวันนี้พระแม่ธรณีแทบจะหมดความสำคัญในศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู มีหลงเหลืออยู่บ้างก็คือ
ชาวฮินดูบางคนให้ความเคารพด้วยการเอาฝ่ามือแตะพื้นธรณีขึ้นมาแตะหน้าผากเพื่อแสดงว่ายังเคารพอยู่เท่านั้นเอง หรือบางคนหลังตื่นนอนก่อนเอาเท้าแตะพื้นก็จะกล่าวคำขอขมาลาโทษ
เทพชั้นรองหลายคนที่ลดบทบาทบนสวรรค์ก็เลยมาสมาทานเอาพุทธศาสนาเป็นที่พึ่ง ไม่ว่าจะเป็นพระพรหม พระอินทร์ พระแม่ธรณี เป็นต้น ผู้เฒ่าผู้แก่มักจะสอนเด็กว่า ห้าเหยียบธรณีประตู !!
จะด้วยเชื่อว่า พระแม่ธรณีสถิตอยู่ตรงนั้น หรือเพราะไม่อยากให้เด็กสะดุดประตูก็แล้วแต่
ก็แสดงว่าพระแม่ธรณีนั้นเกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์ค่อนข้างมาก
นมราดพื้นบูชาแม่ธรณี
อินเดียโบราณ คนซึ่งมีอาชีพทำปศุสัตว์ ก็จะแสดงความเคารพแม่องค์นี้ด้วยวิธีการหนึ่งเหมือนกันคือ เมื่อแม่วัวสาวท้องแรกหลังคลอด และก่อนที่จะให้ลูกวัวได้กินนมจากเต้า คนเลี้ยงจะรีดนมลงพื้นเพื่อบูชาพระแม่ธรณี หรือบางแห่งก็จะตั้งเครื่องสังเวยที่พื้นดิน บูขาด้วยข้าว ผลไม้และนมสด และเอานมนั้นเทราดไปบนพื้น
เพราะการเทราดบนพื้นดินถือเป็นการบูชาแม่ธรณี ตามคติโบราณของคนอินเดียเรื่องพระแม่ธรณีเป็นเพียงแค่เรื่องเครื่องเคียงของเทวนิยมฮินดูเท่านั้น ไม่ได้แสดงบทบาทที่ชัดเจนเหมือนเทพเจ้า เริ่มต้นในสมัยสร้างโลกได้กล่าวถึงพรปฤถิวีที่จมอยู่ใต้น้ำ หลังน้ำท่วมโลกด้วยความทุกข์ทรมานจนพระวิษณุเทพอวตารเป็นหมาป่าไปงัดเอาโลกที่จมอยู่ใต้น้ำ
ขึ้นมาตั้งอยู่ดังเดิมเพื่อให้สรรพสิ่งในโลกได้ถือกำเนิดขึ้นอีกครั้งพระนางปฤถิวียังทำหน้าที่รับฝาก
ของวิเศษแบบไม่มีดอกเบี้ยอีกด้วย เช่นพระชนกของนางสีดา ฝากลูกใส่ผอบฝังดินไว้จนลูกโตเป็นสาว หรือพระศิวะฝากรัตนธนูเพื่อถวายพระราม อวตารปางหนึ่งของพระวิษณุเทพ
แม่ธรณี องค์พยานเอก
ภารกิจที่สำคัญที่สุดก็คือ ในคืนที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ พญามารวัสดี และกองทัพมารเข้ารบกวนพระพุทธเจ้าอ้างเอาบัลลังก์เป็นของตน ไม่มีเทพ เทวดา กล้าเป็นประจักษ์พยานให้ ต่างหนีกายหลบเร้นไปหมดด้วยความกลัวในพญามารจนพระพุทธเจ้าต้องอ้างเอาธรณีเป็นพยาน พอพระพุทธเจ้าเปล่งวาจาเท่านั้น แผ่นดินก็จะเสทือนเลื่อนลั่นอยู่ 7 ครั้ง เสียงต้องอ้างเอาธรณีเป็นพอพระพุทธเจ้าเปล่งวาจาเท่านั้น แผ่นดินก็สะเทือนเลื่อนลั่นอยู่ 7 ครั้ง เสียงดังกมปนาท พระแม่ธรณีไม่อาจทนอยู่ได้พอนางได้ยิน ต้องปรากฏกายเป็นพยานเอก แสดงการบิดน้ำจากมวยผมเพื่อแสดงให้เห็นถึงกุศลที่ พระพุทธเจ้าได้กระทำมาตั้งแต่อดีตชาติ ปรากฏว่าน้ำที่กรวดลงบนพื้นแล้วแม่ธรณีรับไว้นั้นมากถึงขั้นเป็นมหาสมุทร พัดเอาเหล่าพญามารกระจัดกระจายหายไป ต้นเหตุนี้ทำให้เกิดพระพุทธรูปในปางมารวิชัยขึ้นในกาลต่อมา
เรื่องกาอ้างเอาพระแม่ธรณีเป็นพยานนั้น ในประวัติศาสตร์ชาติไทย สมเด็จพระนเรศวรมหาราชก็อ้างเอาธรณีผืนแผ่นดินไทยเป็นพยาน ด้วยการหลั่งน้ำทักษิโณฑกเพื่อประกาศอิสรภาพไม่เป็นเมืองขึ้นของพม่าอีกต่อไป หรือเมื่อศรีปราชญ์ถูกพระยานครศรีธรรมราชประหารชีวิตก็อ้างเอาแม่ธรณีเป็นพยานจนเป็นที่มาของบทโคลงที่ว่า
ธรณีนี่นี้ เป็นพยาน
เราก็ศิษย์มีอาจารย์ หนึ่งบ้าง
เราผิดท่านประหาร เราชอบ
เราบ่ผิดท่านมล้าง ดาบนี้ คืนสนอง
ศาลที่ท้องสนามหลวง
ศาลพระแม่ธรณีที่เลื่องชื่อที่สุดของประเทศไทย ตั้งอยู่บริเวณสนามหลวงสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2460 นายช่างใหญ่สมัยนั้นใช้เวลาเพียง 4 เดือนในการทำรูปเคารพนี้ ผู้ปั้นหล่อแม่ธรณีองค์นี้ชื่อ ครูเริน บ้ายช่างหล่อ พรานนก ความเป้นมาแต่เดิมนั้น สมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ พระพันปีหลวง ทรงมีพระบรมราชเสาวนีย์โปรดฯ ให้สร้างเทวาลัยเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาและ
ที่ต้องเป็นรูปพระนางธรณีบีบมวยผม
ก็เพื่อให้ประชาชนได้ใช้น้ำในการอุปโภค – บริโภคอีกด้วย
*********
พระพิฆเณศวร โอม ศรีคเณศายะ นะมะฮา พระนารายณ์ พระลักษมี พ่อศิวะ แม่อุมาพระพรหม แม่สุรัสวดี
แม่ธรณี พระผู้มีเมตตา แก่ข้า ลูกเกิดมาภายใต้กรรมเป็นตัวกำหนด
มาขอพึ่งพาบารมี แห่งองค์มหาเทพทุกพระองค์ ณ กาลนี้
ลูกกำลังเริ่มดำเนินการธุรกิจ นายหน้าซื้อขายที่ดินสิ่งปลูกสร้าง และโมนาวี
ขอพระองค์ท่านเมตตาเปิดประตูเงิน ประตูทอง ประตูโชคลาภแก่ลูกนี้ด้วยเถิด
และประสิทธิ์ประสาทพรใดอันเลิศ พรใดอันประเสริฐ ให้แก่ข้าพเจ้าด้วย
แม่พระธรณี คือ เทพี ผู้อุ้มชูสรรพสัตว์บนพื้นโลก สวดบูชาทุกวัน ช่วยปกปักรักษาให้ปลอดภัย ทำมาค้าขึ้นฯ
อยากเป็นเศรษฐีที่นา อยากเป็นราชาที่ดิน อยากมีที่ทำกินอยู่อาศัย
การเบิกพระแม่ธรณี เป็นพิธีกรรมโบราณที่ปู่ ย่า ตา ยาย ได้ถือปฏิบัติกันมา ตั้งแต่อดีต บอกกล่าวในสิ่งที่จะทำการล่วงเกินกับแม่พระธรณี เมื่อมีการบอกกล่าวกับท่านแล้ว สิ่งใดที่ผิดพลาดล่วงเกินท่าน ท่านก็จะไม่ถือโทษโกรธเคือง ท่านจะได้อำนวยพระพรชัย ให้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข
ผ้าแพรพรรณผืนน้อย 3 สี ข้าวตอก น้ำนม
ดอกไม้สีเหลือง แก่หรือสีส้ม พวงมาลัยดาวเรือง
ขนมหวาน 7 ชนิด
ผลไม้ 5 ชนิด (ผลไม้รสหวานเท่านั้น)
หัวใจพระแม่ธรณี เม กะ มะ อุ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
สะ นะ มะ อุ
คาถาพระธรณี พะริสุธ เทวะทินา เอหิ สะมาเน มัยหัง กัตวา อิตะติทุติฯ
คาถาภาวนาหาโชคลาภ จะพะกะสะ กะระมะขะ ปะจะชะ อะนะปะนะ
นะโม ๓ จบ ว่าพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ
นะโมพุทธายะ แม่พระธรณีเจ้าขา อยู่แล้วหรือยัง อยู่แล้วเจ้าข้า สังขาตัง โลกังกะวิทู
“อิติปิโสภะคะวาสะวาอะระหัง สุคะโตสวาหะ”
“ตัสสาเกษีสะโต ยะถาคงคา โสตังปะวัตตันติ
มาระเสนา ปฏิฐาตุง อาสักโภนโต ปะลายิงสุ
ปาริมานานุภาเวนะมาระ เสนาปะราชิตาทิโส
ทิสัง ปะลายันติ วิทังเสนติอะเสสะโต”
ขอมีสงบสันติในครอบครัว ไม่มีเรื่องวุ่นวายเดือดร้อนขัดแย้งกับใคร ๆ
ขอให้ได้รับความยุติธรรม ความเที่ยงธรรม ขอให้พ้นภัยจากความอยุติธรรม
ขอพรให้พ้นจากภัยอันเป็นโทษจากการถูกใส่ความหรือได้รับโทษทัณฑ์ต่าง ๆ
ขอให้พ้นจากศัตรูที่กำลังคิดปองร้าย
ขอให้สามารถเก็บเงินออมเงินทองได้จนมั่งคั่งร่ำรวย
หากมีศัตรูให้เขียนชื่อนำแม่ธรณีทับไว้ อธิษฐานให้อภัยต่อกันสวดคาถานี้ทำครบ ๗ วันฝ่ายตรงข้ามจะแพ้ภัยตัวเองไป แต่อย่าจองเวรเขาเลยจึงจะมีผล
เวลาเดินทางให้อธิษฐานพระนางธรณีไปจะพ้นภัยทั้งปวง เวลามีเหตุให้นึกถึงแม่พระธรณีแล้วภาวนาว่า
“สะนะมะอุ” ไปเรื่อย ๆ จะทรงอานุภาพผ่านพ้นภยันตรายนั้นไปได้เป็นอัศจรรย์
ธูป 108 ดอก มัดยางตรงฐาน ผลไม้ 5 อย่าง น้ำเปล่า/น้ำชา 5 แก้ว
วางลงบนพื้น หันหน้าไปทางทิศตะวันออก/ทิศเหนือ เจ้าของที่ผู้มีอำนาจเซ็นต์ชื่อเท่านั้น จุดธูปให้ไฟลุก
นะโม 3 จบ แจ้งชื่อ นามสกุล
ข้าพเจ้าขอน้อมทูลเชิญ พระภูมิเจ้าที่ สัมพเวสีทั้งหลายที่สถิตย์อยู่ ณ ที่ดินผืนนี้
มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำการขาย จึงใคร่ขออนุญาติ
พระภูมิเจ้าที่ สัมพเวสีทั้งหลาย
ได้โปรดเมตตา เปิดทาง และนำพาคนบุญที่มีบุญสัมพันธ์กับที่ผืนนี้มาเป็นเจ้าของสืบต่อไปด้วยเทอญ
ปักบนพื้นรอธูปหมด โยนผลไม้ไปรอบ ๆ ที่ให้กับสัมพเวสีทั้งหลาย ส่วนใหญ่เห็นผลภายใน 3 เดือน
การบูชาแม่พระธรณี
นะโม ๓ จบ
พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ (อิติปิโสภะคะวา อะระหัง...........โลกัสสาติ)
โอมศรี คะเณศายะ นะมะฮา
แล้วว่า “อิติปิโสภะคะวา สะวา อะระหังสุคะโต สวาหะ” ๓ จบ หลังจากนั้นสวดด้วย
“ตัสสาเกษีสะโต ยะถาคงคา โสตังปะวัตตันติ
มาระเสนา ปฏิฐาตุง อาสักโภนโต ปะลายิงสุ
ปาริมานานุภาเวนะ มาระเสนาปะราชิตา
ทิโส ทิสัง ปะลายันติ วิทังเสนติอะเสสะโต”
อย่างน้อย ๓ จบแต่ถ้าจะให้ดี ๒๑ จบ (เพราะกำลังของแม่พระธรณีคือ ๒๑)
โอม อุอะมะ นะโมพุทธายะ ยะชะสุมัง โสธายะ นะมะพะทะ
สาธุ ๆ ๆ แม่ธรณีเจ้าเอ๋ย รู้แล้วหรือยังเจ้าขา สังขาตังโลกังวิทู
“สะนะมะอุ”
ขอพรให้มีความฉลาดหลักแหลม มีปัญญาลึกซึ้ง
ขอมีสงบสันติในครอบครัว ขอให้ได้รับความยุติธรรม ความเที่ยงธรรม ขอให้พ้นภัยจากความอยุติธรรม
ขอพรให้พ้นจากภัยอันเป็นโทษจากการถูกใส่ความหรือได้รับโทษทัณฑ์ต่าง ๆ
ขอให้พ้นจากศัตรูที่กำลังคิดปองร้าย
ขอให้สามารถเก็บเงินออมเงินทองได้จนมั่งคั่งร่ำรวย
คาถาทั้งสองบทนี้ใช้ได้ตามอธิษฐานทำน้ำมนต์แก้คุณเสนียดได้ผลดียิ่ง หากมีศัตรูให้เขียนชื่อนำแม่ธรณีทับไว้ อธิษฐานให้อภัยต่อกันสวดคาถานี้ทำครบ ๗ วันฝ่ายตรงข้ามจะแพ้ภัยตัวเองไป แต่อย่าจองเวรเขาจึงจะมีผล
เวลาเดินทางให้อธิษฐานพระนางธรณีไปจะพ้นภัยทั้งปวง เวลามีเหตุให้นึกถึงแม่พระธรณีแล้วภาวนาว่า “สะนะมะอุ” ไปเรื่อย ๆ จะทรงอานุภาพผ่านพ้นภยันตรายนั้นไปได้เป็นอัศจรรย์
เครื่องบวงสรวงบูชา
ผ้าแพรพรรณผืนน้อย 3 สี
ข้าวตอก น้ำนม
ดอกไม้สีเหลือง แก่หรือสีส้ม
พวงมาลัยดาวเรือง
ขนมหวาน 7 ชนิด
ผลไม้ 5 ชนิด (ผลไม้รสหวานเท่านั้น)
รูปปั้น พระแม่ธรณี หรือรูปภาพ
ริวแนะนำซื้อขายที่ดิน
พระธฤติมาตามหาเทวี{พระธรณี}
พระธรณีเป็นเทพมารดาแห่งโลก เพราะเป็นผู้ที่มีคุณต่อสรรพชีวิตบนโลกนี้ที่ต้องอาศัยคุณของแม่พระธรณี ในศาสตร์ทางจิตเกือบทั่วทุกมุมโลกล้วนคำนึงถึงพลังจากปถพีนี้เสมอมา แม้ในพระพุทธศาสนาที่ว่าด้วยหลักการและเหตุผลก็ยังกล่าวอ้างถึงดังปรากฏในปฐมสมโพธิญาณ ตอนพระสิทธัตถะบำเพ็ญจิตเพื่อบรรลุพระโพธิญาณ แล้วถูกพญามารตามผจญก็อธิษฐานแม่พระธรณีเป็นพยานในบุญบารมีที่ทรงบำเพ็ญมาเอนกชาติจนชนะหมู่มารในที่สุดคุณแม่พระธรณีในทางพระเวทจึงถือเป็นจุดเริ่มต้นและจุดสูงสุดของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกประการ
พระแม่ธรณีเทพีผู้รักษาแผ่นดินโลก
พระแม่ธรณี เป็นเทพีที่ยิ่งใหญ่ เปรียบเสมือนมารดาของโลก ท่านได้โอบอุ้มพืนปฐพีและอุ้มชูสัตว์โลกมนุษย์ทั้งหลาย ท่านถือความสันโดษ มักบำเพ็ญตบะ ตำนานครั้งยิ่งใหญ่ของท่าน
ในกาลครั้งหนึ่งครั้นเมื่อเจ้าชาย “"สิทธัตถะ"”กำลังเข้าถึงปรินิพาน แต่กาลนั้นได้มีหมู่พญามารมาสะกัดกั้นไว้ด้วยเดชะบุญของพระพุทธเจ้าได้สั่งสมมาสิบชาติ จึงทำให้พระแม่ธรณีได้หยั่งรู้ทุกอย่างของท่าน ครั้งนั้นพญามารได้มีเจตนาจะยึดครองบัญลังค์ แต่ด้วยความมี"สติปัญญาและความปรีชาญาณของสมโพธิญาณนั้น ท่านจึงนึกถึงแม่พระธรณี จึงเอาดัชนีจี้ลงสู่พื้นธรณีเพื่อให้ พระแม่มาเป็นสักขีพยาน
จากนั้นพระแม่ธรณีได้ปรากฎพระองค์ขึ้นมาจากพื้นดิน ซึ่งเป็นเทพีที่งดงามมาก มีทรวดทรงอรชรสวยงามมีเกษาที่ยาวโดดเด่นและเต็มเปลี่ยมไปด้วยพลังแห่งอำนาจมาก จากนั้นพระแม่ได้ตรัสต่อหน้าพระพุทธเจ้าว่าจะเป็นสักขีพยานในกาลสำเร็จทั้งปวงและได้ตรัสกับพวกพญามารทั้งหลาย จากนั้นท่านได้หลั่งน้ำสิโนฑก ที่พระพุทธเจ้าได้สั้งสมบุญ ญาณ บารมี จากอดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ
น้ำที่หลั่งออกมาจากมวยผมของพระแม่ธรณีซึ่งมากมายไม่ขาดสายจน ท่วมท้น หลั่งล้น จนทำให้พญามารทั้งหลายได้พ่ายแพ้หนีไป และยอมแพ้ เจ้าชาย “"สิทธัตถะ"”จึงได้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน และด้วยอำนาจและพลังแห่งพระแม่ธรณีจึงทำให้ปราบพญามารได้สิ้นทราก
พระแม่ธรณีท่านมีหลายภาคแต่ละภาคขึ้นอยู่กับศาสนาและประเทศไม่ว่าจะประเทศไหนก็จะมีพระแม่ธรณีทุกที่ยกตัวอย่างเช่น ภาคอินเดียใต้พระแม่ธรณีจะมีรูปร่างกำยำ มีใบหน้าสวยงามมากในแบบฉบับอินเดีย ปล่อยผมสยายยาวเต็มเปี่ยมด้วยพลังแห่งอำนาจอีกภาคคือ ภาคธรณีสูบ ภาคนี้เป็นภาคที่ดุมากคล้ายกับพระแม่กาลีก็ว่าได้ เพราะภาคนี้ท่านสูบคนชั่วและหมู่มารทั้งหลาย ใครทำดีท่านคุ้มครองใครทำชั่วแม่ท่านจะมีวิธีสูบให้สิ้น ในภาคอินเดียใต้ พระแม่ธรณีจะมีพาหะนะเป็นสิงโตซึ่งสิงโตดุร้ายมากแต่จะเมตตาแต่ผู้ที่ทำดี อาวุธท่านมีมากมาย มีแปดพระกร เฉกเช่นพระแม่ทุรคา(พระแม่อุมาเทวี)อาวุธจะคร้ายครึงกัน
ตามลำตัวของพระแม่ธรณี(ภาคอินเดียใต้)จะเต็มเปี่ยมไปด้วยมหาเทพเทวะ-มหาเทพเทวี เพราะถือว่าพระแม่เป็นจุดศูนย์กลางการเชื่อมต่อระหว่างโลกมนุษย์ไปยังสวรรค์ เทพเทวดาจะต้องพึ่งพาพระแม่ธรณีเพื่อเป็นจุดศูนย์กลางและจุดศูนย์รวม และเพื่อการมาประชุมกัน ที่สำคัญอย่างยิ่งเพื่อให้ท่านเป็นสักขีพยานต่างๆ
ในสมัยพระเวท มีคัมภีร์กล่าวว่าพระสวามีของพระแม่ธรณีคือ พระทยาอุส ซึ่งเป็นผู้ครองฟ้าเก่าสุดของศาสนาพราหมณ์ มีโอรสทั้งสองพระองค์คือ "พระอินทร์และพระอัคนี